เบี้ยประกันรถยนต์ เท่ากันทุกบริษัทหรือไม่ มาหาคำตอบกัน !

ANZ Photobook AwardInsurance เบี้ยประกันรถยนต์ เท่ากันทุกบริษัทหรือไม่ มาหาคำตอบกัน !
เบี้ยประกันรถยนต์
0 Comments

ประกันรถยนต์นั้นมีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นประกันรถยนต์ชั้น 1 ชั้น 2 หรือชั้น 3 ก็มีค่าเบี้ยประกันรถยนต์ที่แตกต่างกันออกไป โดยขึ้นอยู่กับความคุ้มครองที่จะได้รับจากบริษัทประกันซึ่งหากมีความคุ้มครองมากกว่าก็ย่อมต้องจ่ายแพงกว่าเป็นเรื่องปกติ นอกจากความแตกต่างของประกันแต่ละประเภทแล้วนั้น สภาพของรถยนต์ที่นำมาทำประกันก็ส่งผลต่อค่าเบี้ยประกันเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นอายุการใช้งานของรถ รถเก่า รถใหม่ หรือรวมไปถึงรถที่มีร่อยรอยการชนมาก็ส่งผลต่อค่าเบี้ยประกันทั้งสิ้น ซึ่งทางบริษัทประกันก็จะมีเจ้าหน้าที่มาพิจารณาว่ารถแต่ละคันจะต้องเสียค่าเบี้ยประกันที่เท่าไหร่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่กล่าวถึงนั้นทางบริษัทประกันจะเรียกว่าเจ้าหน้าที่รับประกัน หรือ Underwriter ซึ่งบุคคลเหล่านี้จะทำหน้าที่ในการพิจารณาว่าจะรับประกันหรือไม่และหากรับจะต้องมีค่าเบี้ยประกันที่เท่าไหร่ ซึ่งรถแต่ละคันก็จะมีค่าเบี้ยประกันที่ไม่เท่ากัน โดยทาง Underwriter ก็จะมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาที่ต่างกันในแต่ละบริษัทอีกเช่นกัน

เบี้ยประกันรถยนต์ เท่ากันทุกบริษัทหรือไม่ มาหาคำตอบกัน !

เบี้ยประกันรถยนต์ไม่เท่ากันเนื่องจากมีการคำนวณโดยพิจารณาหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับรถยนต์ ดังนี้ ประเภทของรถยนต์ ประเภทของรถยนต์มีผลมากต่อการคำนวณเบี้ยประกัน รถยนต์ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า เช่น รถเก๋ง จะมีเบี้ยประกันที่ต่ำกว่ารถยนต์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น รถกระบะหรือรถจักรยานยนต์ ประวัติการขับขี่ ประวัติการขับขี่ของผู้ถือกรมธรรม์มีผลต่อเบี้ยประกัน คนที่มีประวัติการขับขี่ที่ปลอดภัยมักจะได้รับเบี้ยประกันที่ต่ำกว่าคนที่มีประวัติการขับขี่ไม่ปลอดภัย ประวัติการขับขี่ของรถ รถที่มีประวัติการใช้งานที่ปลอดภัยและไม่มีประวัติการเกิดอุบัติเหตุมักจะมีเบี้ยประกันที่ต่ำกว่ารถที่มีประวัติการใช้งานที่ไม่ปลอดภัยหรือมีประวัติการเกิดอุบัติเหตุ

คุณลักษณะของความคุ้มครอง ประกันภัยมีหลายประเภทและระดับความคุ้มครองต่างกัน ระดับความคุ้มครองที่สูงขึ้นมักจะมีเบี้ยประกันที่สูงขึ้นด้วย เช่น การประกันชั้น 1 หรือชั้น VIP มักจะมีความคุ้มครองที่กว้างขึ้นและเบี้ยประกันที่สูงกว่าการประกันชั้นพื้นฐาน สถานที่และสภาพอากาศ สถานที่ที่คุณใช้รถและสภาพอากาศในพื้นที่นั้นมีผลต่อความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุ ถ้าคุณใช้รถในพื้นที่ที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยๆ หรือในสภาพอากาศที่ทำให้การขับขี่มีความเสี่ยงมากขึ้น เบี้ยประกันอาจมีแนวโน้มที่สูงขึ้นเช่นกัน สมรรถนะของผู้ขับขี่ ประวัติการขับขี่ของคนขับมีความสำคัญ เนื่องจากผู้ขับที่มีประวัติการขับขี่ที่ปลอดภัยมักจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับบริษัทประกันภัยว่ามีความเสี่ยงต่ำกว่าในการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งจะทำให้เบี้ยประกันลดลง